กฎหมายโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) เป็นนโยบายและกติกาที่ภาครัฐกำหนดเพื่อให้ประชาชนสามารถติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาเพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เอง และบางกรณีสามารถขายไฟฟ้าส่วนเกินคืนให้การไฟฟ้าได้ ซึ่งมี “ประโยชน์ต่อชาวบ้าน” หลายด้าน ดังนี้ครับ:
ข้อดีต่อชาวบ้าน
-
ลดค่าไฟฟ้าในครัวเรือน
-
การผลิตไฟฟ้าใช้เองจากแสงอาทิตย์ช่วยลดภาระค่าไฟ โดยเฉพาะช่วงกลางวันที่ใช้ไฟมาก เช่น เปิดแอร์ พัดลม เครื่องใช้ไฟฟ้า
-
-
มีรายได้เสริมจากการขายไฟคืน
-
หากกฎหมายและโครงการรัฐเปิดให้ขายไฟส่วนเกิน (Net Metering หรือ Feed-in Tariff) ชาวบ้านสามารถขายไฟคืนให้การไฟฟ้าได้ เป็นรายได้พิเศษ
-
-
เพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานของครัวเรือน
-
ทำให้พึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น ลดความเสี่ยงจากค่าไฟที่อาจปรับขึ้นในอนาคต
-
-
ช่วยสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
-
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน/แก๊ส
-
ชุมชนมีอากาศสะอาดขึ้นในระยะยาว
-
-
เพิ่มมูลค่าบ้านและที่ดิน
-
บ้านที่ติดโซลาร์รูฟท็อปมักมีราคาขายต่อสูงขึ้น เพราะผู้ซื้อเห็นว่าประหยัดค่าไฟ
-
-
สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจชุมชน
-
เกิดธุรกิจใหม่ เช่น การติดตั้ง การซ่อมบำรุง และการให้คำปรึกษาในท้องถิ่น ทำให้เกิดการจ้างงาน
-
-
ตอบโจทย์การกระจายอำนาจพลังงาน
-
จากเดิมที่พลังงานผลิตจากโรงไฟฟ้าใหญ่ๆ ของรัฐหรือเอกชน การมีกฎหมายนี้ทำให้ประชาชนเป็น “ผู้ผลิตไฟฟ้า” (Prosumer) ได้
-
⚖️ เงื่อนไขที่ควรพิจารณา
-
ต้นทุนเริ่มต้น: ราคาติดตั้งยังสูงอยู่ แม้จะคุ้มค่าในระยะยาว
-
ข้อจำกัดกฎหมาย/โควต้า: ต้องรอประกาศและนโยบายของรัฐในแต่ละปี เช่น กำหนดปริมาณไฟที่จะรับซื้อ
-
การดูแลรักษา: ต้องมีความรู้พื้นฐานเรื่องการดูแลระบบ
สรุปคือ กฎหมายโซลาร์รูฟท็อป “ดีต่อชาวบ้าน” เพราะช่วยลดค่าใช้จ่าย สร้างรายได้เสริม เพิ่มพลังงานสะอาด และกระจายโอกาสเศรษฐกิจ แต่ความคุ้มค่าจะขึ้นอยู่กับ กติกาของรัฐ + ราคาติดตั้ง + การสนับสนุนด้านเงินกู้/สิทธิประโยชน์ ที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงได้จริงครับ
Credit : ภูสวัสดิ์ สุขเลี้ยงรับผิดชอบ เขต 8 อ.หางดง อ.สันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่